RMF กับประกันบำนาญ ลดหย่อนอะไรดี

ช่วงหลังมานี้ รัฐบาลเองก็ให้ความสำคัญกับเรื่องการออมเพื่อวัยเกษียณมากขึ้น มีมาตรการและสิทธิ์ลดหย่อนภาษีออกมาสนับสนุน เพื่อช่วยให้คนไทยมีเงินใช้หลังเกษียณอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะในยุคที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว การเตรียมเงินไว้ใช้ในอนาคตจึงไม่ใช่เรื่องที่ คิดทีหลัง ได้อีกต่อไป แต่เป็นเรื่องที่ควรเริ่มวางแผนตั้งแต่ตอนที่ยังมีรายได้
เพราะฉะนั้น เวลาพิจารณาใช้สิทธิลดหย่อนภาษี ไม่ควรโฟกัสแค่จำนวนเงินที่ประหยัดได้ในปีนี้ แต่ควรเลือกเครื่องมือที่ตอบโจทย์อนาคตของเรา เช่น ต้องการรายได้เป็นเงินบำนาญหลังเกษียณ ต้องการความเสี่ยงแบบลงทุนได้หรือคงที่ชัวร์ ๆ หรืออยากได้ความยืดหยุ่นมากน้อยแค่ไหน
ซึ่งในประเทศไทย ปัจจุบันมีเครื่องมือทางการเงินที่กฎหมายรับรองให้ทั้ง ลดหย่อนภาษี และ ช่วยเตรียมเงินเกษียณ ไปพร้อมกันอยู่สองประเภทหลัก ได้แก่:
- ประกันบำนาญ (Pension / Retirement Insurance)
- กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ RMF (Retirement Mutual Fund)
แม้ทั้งสองจะมีวัตถุประสงค์เหมือนกันคือ สร้างรายได้หลังเกษียณ แต่โครงสร้าง ความเสี่ยง และความเหมาะสม แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ โดยทั้งสองรูปแบบนี้มีจุดเด่นและประโยชน์ที่แตกต่างกันไป บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจความแตกต่างและเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับเป้าหมายของตัวเองได้
1) ประกันบำนาญคืออะไร?
ประกันบำนาญเป็นกรมธรรม์ประกันชีวิตที่ออกแบบเพื่อให้ผู้ถือกรมธรรม์ได้รับเงินรายได้หลังเกษียณแบบสม่ำเสมอ เช่น รายปีหรือรายเดือน (คล้ายเงินบำนาญของข้าราชการหรือประกันสังคม)
เครื่องมือนี้เป็น เกมรับของชีวิตการเงิน เพราะแม้ไม่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุด แต่เป็นรายได้ที่ คาดการณ์ได้ รับประกันบางส่วน และไม่ผันผวนเหมือนการลงทุนในตลาด
ข้อสังเกตสำคัญ:
- เป็นผลิตภัณฑ์ที่มี สัญญา และ ข้อกำหนดระยะยาว
- การเลือกแบบผิดอาจทำให้ไม่บรรลุเป้าหมายการเกษียณ
- ไม่ต้องบริหารพอร์ตด้วยตนเอง
สิทธิลดหย่อนภาษีปี 2568:
- ลดหย่อนได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 200,000 บาท/ปี
- ต้องรวมในเพดานรวม 500,000 บาท/ปี สำหรับเครื่องมือออมเพื่อเกษียณทั้งหมด
2) RMF คืออะไร?
RMF (Retirement Mutual Fund) คือกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ผู้ลงทุนซื้อหน่วยลงทุนเพื่อสะสมเป็นเงินก้อนในวัยเกษียณ โดยมีเงื่อนไขตามกฎหมาย เช่น
- ต้องถือครองไม่น้อยกว่า 5 ปี
- ขายคืนได้เมื่ออายุ ครบ 55 ปีบริบูรณ์
- RMF เน้น โอกาสทางการลงทุนระยะยาว และเหมาะกับผู้ที่ยอมรับความผันผวนตามตลาดทุนได้
โดย RMF สามารถปรับเปลี่ยนประเภทการลงทุนได้ตามช่วงอายุและระดับความเสี่ยงของผู้ลงทุน
สิทธิลดหย่อนภาษีปี 2568:
- ลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ยังต้องอยู่ในกรอบเพดานรวม 500,000 บาท
ควรเลือกอะไรดีระหว่างสองทางเลือกนี้?
ไม่มีคำตอบว่าแบบไหน ดีที่สุด มีเพียงคำถามว่าแบบไหน เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ
ใช้หลักคิด 3 ข้อ:
| คำถาม | ประกันบำนาญ | RMF |
| ต้องการรายได้ต่อเดือน/ปีแบบคงที่และผลตอบแทนแน่นอน | / | |
| รับความผันผวนตลาดได้ดี (มีโอกาสขาดทุนและกำไร) และต้องการผลตอบแทนสูงกว่า | / | |
| ต้องการทั้งความมั่นคงและศักยภาพการเติบโต | / | / |
เงื่อนไขสิทธิ์ลดหย่อนภาษี
ประกันบำนาญ
- ต้องเป็นเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญที่จ่ายให้บริษัทประกันในไทยตามเงื่อนไขของ กรมสรรพากร
- จำนวนเงินที่สามารถหักลดหย่อนได้ = ไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมิน และไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี (เพดานย่อย) เมื่อรวมกับรายการออมเพื่อเกษียณอื่น ๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาทต่อปี
- หากยังไม่ได้ใช้สิทธิลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิตทั่วไป (สูงสุด 100,000 บาท) ผู้เอาประกันสามารถใช้เบี้ยประกันบำนาญไปรวมหักแทนได้ เช่น ใช้ส่วนหนึ่งเป็น ประกันชีวิตทั่วไป แล้วส่วนที่เหลือไปเป็นบำนาญ
- ต้องตรวจสอบว่าแบบกรมธรรม์นั้น เป็นประกันบำนาญที่ได้รับสิทธิ์ ไม่ใช่ประกันชีวิตทั่วไป โดยควรดูเงื่อนไขสำคัญ เช่น มีการจ่ายเงินบำนาญในช่วงวัยเกษียณ, กำหนดอายุเริ่มรับเงินบำนาญชัดเจน และระยะเวลาชำระเบี้ยเหมาะสมตามหลักเกณฑ์ภาษี ในช่วง ระหว่างชำระเบี้ยจนกว่าจะถึงอายุรับบำนาญ กรมธรรม์แบบลดหย่อนภาษี ต้องไม่มีการจ่ายเงินคืนระหว่างทาง เช่น ไม่มีเงินคืนรายปี, ไม่มีเงินปันผลระหว่างสัญญา, ไม่มีเงินสดสำรองระหว่างปี เพราะกรมสรรพากรระบุชัดว่า กรมธรรม์ที่จะใช้สิทธิ์ลดหย่อนต้องเป็นแบบ เพื่อเกษียณเท่านั้น ไม่ใช่แบบสะสมทรัพย์หรือออมเงินทั่วไปที่มีเงินคืนก่อนเกษียณ
RMF (กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ)
- ต้องซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน RMF ที่จัดตั้งในประเทศไทย และได้รับการจดทะเบียนตามกฎหมาย
- จำนวนเงินที่สามารถหักลดหย่อนได้ = ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน (ในบางแหล่งเก่ากำหนด 15%) และรวมกับรายการออมเพื่อเกษียณอื่น ๆ แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาทต่อปี
- เงื่อนไขการถือครอง: ต้องถือหน่วยไม่น้อยกว่า 5 ปี และขายคืนได้เมื่ออายุผู้ลงทุนครบ 55 ปีบริบูรณ์ ตามวันเกิด
- ต้องมีการซื้อ อย่างต่อเนื่อง ทุกปี หรืออย่างน้อยเว้นได้ไม่เกิน 1 ปีติดต่อกัน
ระยะเวลาลงทุน/ระยะเวลาชำระค่าเบี้ย
ระยะเวลาชำระค่าเบี้ยประกันบำนาญ >> ระยะเวลาชำระค่าเบี้ยประกันบำนาญนั้นมีให้เลือกค่อนข้างหลากหลาย เพราะมีทั้งแบบประกันที่กำหนดให้ชำระค่าเบี้ยแค่ครั้งเดียว ระยะสั้น และระยะยาว แต่ต้องชำระติดต่อกันทุกปีจนสิ้นสุดระยะเวลาชำระเบี้ย
ระยะเวลาลงทุนของ RMF >> ผู้ลงทุนใน RMF จะต้องซื้อหน่วยลงทุนอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี ไม่จำเป็นต้องซื้อติดกัน แต่ต้องไม่ระงับการซื้อหน่วยลงทุนเกินกว่า 1 ปีติดต่อกัน เช่น หากซื้อหน่วยลงทุนครั้งแรกในปี 2567 สามารถระงับการซื้อในปี 2568 และซื้อหน่วยลงทุนอีกครั้งในปี 2569 ได้ เป็นต้น
ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต
ประกันบำนาญ >> บริษัทประกันฯ จะจ่ายเงินผลประโยชน์กรณีเสียชีวิตให้กับผู้รับผลประโยชน์ในรูปแบบจ่ายครั้งเดียว โดยจะแตกต่างกันไปในกรณีเสียชีวิตก่อนรับเงินบำนาญ และกรณีเสียชีวิตในช่วงรับเงินบำนาญแต่ยังไม่ครบตามกำหนดสัญญา
RMF >> หากผู้ถือหน่วยลงทุนเสียชีวิต ทั้งเงินต้นและผลตอบแทนในกองทุน RMF จะตกเป็นของทายาทโดยธรรมตามลำดับ หรือผู้รับมรดกตามพินัยกรรม โดยเงินที่ถอนออกจากกองทุน จะได้รับการยกเว้นภาษี
โทษ/ผลกระทบทางภาษีเมื่อผิดเงื่อนไข
สำหรับประกันบำนาญ
- หากเบี้ยประกันที่จ่ายไม่ตรงตามเงื่อนไข เช่น ไม่ใช่แบบบำนาญที่ได้รับสิทธิลดหย่อน หรือจ่ายมากเกินเพดาน เบี้ยส่วนที่เกินจากเพดานใช้สิทธิลดหย่อนภาษีไม่ได้
- หากใช้สิทธิ์ลดหย่อนโดยไม่ถูกต้อง อาจถูกทบทวนโดยกรมสรรพากรและอาจต้องชำระภาษีย้อนหลัง +เบี้ยปรับ/เงินเพิ่มได้ (ตามกรมสรรพากรกำหนด)
ในกรณีที่กรมธรรม์มีอายุเกินกว่า 10 ปีแล้ว หากผู้เอาประกันภัยไม่จ่ายเบี้ยประกันบำนาญปีต่ออายุ ไม่ต้องชำระคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีย้อนหลัง แต่สถานะของกรมธรรม์ฉบับดังกล่าวอาจขาดผลคุ้มครองได้
ในกรณีที่กรมธรรม์ยังมีอายุไม่ถึง 10 ปี เช่น
1.กรมธรรม์ขาดอายุก่อน 10 ปี ผู้เอาประกันภัยไม่ชำระเบี้ยประกันบำนาญปีต่ออายุจนทำให้กรมธรรม์ขาดผลบังคับ
2.สถานะกรมธรรม์ถูกเปลี่ยนเป็นรูปแบบขยายเวลากรมธรรม์ เนื่องจากผู้เอาประกันไม่ชำระเบี้ยต่ออายุ แล้วส่งผลให้กรมธรรม์มีระยะเวลาการคุ้มครองลดเหลือน้อยกว่า 10 ปี
3.ผู้เอาประกันใช้สิทธิ์เวนคืนกรมธรรม์ (ยกเลิกปิดกรมธรรม์/สิ้นสุดการคุ้มครอง) ก่อน 10 ปี
4.ผู้เอาประกันเปลี่ยนแบบเป็นแบบประกันที่ไม่สามารถลดหย่อนภาษีได้ ก่อน 10 ปี
ถือเป็นกรณีปฏิบัติไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด จะต้องชำระคืนภาษีเงินได้เพิ่มเติมของปีภาษีที่ได้ใช้สิทธิยกเว้นภาษีไปแล้ว พร้อมเงินเพิ่มตามมาตรา 27 แห่งประมวลรัษฎากร
หมายเหตุ: หากคืนภาษีช้ากว่ากำหนด (หลังเดือนมีนาคมปีถัดไป) ต้องเสียดอกเบี้ยเพิ่ม 1.5% ต่อเดือน
สำหรับ RMF
เงื่อนไขการซื้อ RMF
- เมื่อเริ่มลงทุน ต้องซื้ออย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
- หากปีไหนไม่มีเงินได้ สามารถงดซื้อได้
- กฎใหม่* ไม่กำหนดยอดขั้นต่ำ
- กฎเก่า* กำหนดขั้นต่ำ 5,000 บาท หรือไม่น้อยกว่า 3% ของเงินได้ประจำปี (แล้วแต่จำนวนใดน้อยกว่า)
*กฎใหม่ (ใช้ปัจจุบัน) ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร (ฉบับที่ 389) เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ ปีภาษี 2563 เป็นต้นไป
- ไม่มีข้อกำหนดยอดซื้อขั้นต่ำต่อปีแล้ว ซื้อเท่าไรก็ได้
- ยังต้องซื้อ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หากปีนั้นมีเงินได้
- ถ้าปีนั้น ไม่มีเงินได้ สามารถเว้นการซื้อได้โดยไม่ถือว่าผิดเงื่อนไข
- จำกัดสิทธิลดหย่อนตามเพดานกฎหมาย (เช่น รวมสินค้าลดหย่อนกลุ่มเกษียณไม่เกิน 500,000 บาท และไม่เกิน 30% ของรายได้)
- ถือหน่วยลงทุนขั้นต่ำ 5 ปี (วันชนวัน) และขายได้เมื่ออายุ 55 ปีขึ้นไป
*กฎเก่า (ก่อนปี 2563) ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร (ฉบับที่ 172)
- ต้องซื้อ ไม่น้อยกว่า 5,000 บาทต่อปี หรือ ไม่น้อยกว่า 3% ของเงินได้ (แล้วแต่จำนวนใดน้อยกว่า)
- ถ้าซื้อน้อยกว่าขั้นต่ำหรือหยุดซื้อทั้งที่มีรายได้ ถือว่าผิดเงื่อนไขทันที
- เงื่อนไขเรื่องถือขั้นต่ำ 5 ปี และต้องอายุ 55 ปีบริบูรณ์ก่อนขาย ยังเหมือนเดิม
เงื่อนไขการขาย RMF
- ต้องถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี (นับแบบวันชนวันจากวันที่ซื้อครั้งแรก)
- ต้องอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ (ชนวันเกิด) จึงจะขายได้
- ยกเว้นในกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพ สามารถขายได้โดยไม่ผิดเงื่อนไข
การผิดเงื่อนไข RMF แบ่งเป็น 2 แบบ
1.ผิดเงื่อนไขด้านการซื้อ
- หยุดซื้อเกิน 1 ปีติดต่อกัน ทั้งที่ยังมีรายได้
- ซื้อไม่ถึงขั้นต่ำ (เฉพาะกรณีกฎเก่า*)
2.ผิดเงื่อนไขด้านการขาย
- ขายก่อนครบ 5 ปี
- ขายก่อนอายุ 55 ปีบริบูรณ์
ผลลัพธ์เมื่อผิดเงื่อนไข
กรณีที่ 1: ลงทุนไม่ถึง 5 ปี
- ต้องคืนภาษีที่เคยใช้สิทธิลดหย่อนย้อนหลัง 5 ปี
- กำไรจากการขายต้องนำมารวมเป็นเงินได้เพื่อคำนวณเสียภาษี
กรณีที่ 2: ลงทุนครบ 5 ปี แต่ผิดเงื่อนไขอื่น
- ต้องคืนภาษีที่เคยลดหย่อนย้อนหลัง 5 ปีเช่นกัน
- แต่กำไรจากการขายยังได้รับการยกเว้นภาษี
หมายเหตุ: หากคืนภาษีช้ากว่ากำหนด (หลังเดือนมีนาคมปีถัดไป) ต้องเสียดอกเบี้ยเพิ่ม 1.5% ต่อเดือน
ในกรณีที่ผู้ลงทุนได้ซื้อหน่วยลงทุนใน RMF โดยได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีของเงินลงทุนไปแล้ว ต่อมาไม่ปฏิบัติไปตามเงื่อนไขการลงทุนและการถือครอง ผู้ลงทุนจะหมดสิทธิได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ของเงินลงทุนใน RMF และต้องชำระคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับไปในระยะเวลา 5 ปีย้อนหลัง
ตัวอย่างประกอบ
กรณีซื้อ RMF ปี 25582560 แล้วขายในปี 2561 แม้อายุจะเกิน 55 ปี แต่ยังถือหน่วยลงทุนไม่ถึง 5 ปีตามเกณฑ์ วันชนวัน จะถือว่าผิดเงื่อนไข ต้องคืนสิทธิลดหย่อนย้อนหลัง และกำไรต้องเสียภาษี
ตารางสรุปเปรียบเทียบ
| ประเด็นเปรียบเทียบ | ประกันบำนาญ | RMF |
| จุดประสงค์หลัก | รายได้หลังเกษียณแบบการันตี มีผลตอบแทนที่แน่นอน | เงินเกษียณก้อนโตในอนาคตจากการลงทุน |
| ความเสี่ยง | ต่ำ | ต่ำ-สูง / ขึ้นอยู่กับนโยบายการลงทุนและสถานการณ์การลงทุน |
| สิทธิลดหย่อน | 15% ของเงินได้ (สูงสุด 200,000 บาท) | 30% ของเงินได้ |
| *เพดาน 500,000 บาท* (วงเงินสูงสุดที่สามารถใช้ลดหย่อนภาษีจากการออมเพื่อเกษียณรวมทุกผลิตภัณฑ์ต่อปี หากรวมเกินจำนวนนี้ ส่วนที่เกินจะไม่ได้สิทธิลดหย่อน) | ||
| ความยืดหยุ่น | ต่ำ (มีสัญญาและระยะเวลาชัดเจน) | สูง (เลือกเปลี่ยนกองทุนได้) |
| เวลาเริ่มรับเงินบำนาญ | ตามรูปแบบกรมธรรม์ที่เลือก เช่น อายุ 55/60/65 ปี | เมื่ออายุ 55 และถือ 5 ปี |
| เหมาะกับใคร | ผู้ต้องการผลตอบแทนแน่นอน มีวินัยการออม และไม่มีความชำนาญและเวลาในการบริหารลงทุนเอง | ผู้มองหาการเติบโตและเข้าใจความเสี่ยงตลาด มีวินัยการลงทุน |
| ความเป็นมรดก | กรณีมรณกรรมช่วงก่อนรับเงินบำนาญมีความคุ้มครองประกันชีวิต ผู้รับผลประโยชน์ที่ผู้เอาประกันระบุในกรมธรรม์จะได้รับเงินสินไหมมรณกรรม ส่วนช่วงรับเงินบำนาญ ผู้รับผลประโยชน์จะได้รับเงินสินไหมมรณกรรมตามจำนวนเงินบำนาญที่ผู้เอาประกันยังไม่ได้รับ โดยไม่ต้องมีพินัยกรรมหรือผู้จัดการมรดก เพียงยื่นเอกสารเบิกเคลมสินมรณกรรม บริษัทประกันใช้เวลาในการดำเนินการไม่เกิน 1-90 วัน ขึ้นอยู่กับขั้นตอนการอนุมัติสินไหมของแต่ละบริษัทประกัน โดยผู้รับผลประโยชน์ได้รับยกเว้น ไม่ต้องนำเงินสินไหมมรณกรรมไปคำนวณเป็นภาษีเงินได้ของผู้รับผลประโยชน์ | ทายาทตามกฎหมายต้องยื่นขายคืนหน่วยลงทุนตามมูลค่าการลงทุน ณ ขณะนั้น หากไม่มีพินัยกรรมต้องขออำนาจศาลแต่งตั้งผู้จัดการมรดก ซึ่งใช้ระยะเวลาหลายเดือนและมีค่าใช้จ่ายตามกฎหมาย ผู้จัดการมรดกสามารถติดต่อสถาบันการเงินเพื่อดำเนินการขายคืนได้แม้ว่าจะยังถือครองไม่ครบกำหนดก็ตาม โดยไม่ถือว่าเป็นการผิดเงื่อนไขเนื่องจากเป็นการขายในกรณีที่ผู้ถือหน่วยลงทุนถึงแก่กรรม เงินที่ได้จาก RMF เมื่อผู้ลงทุนเสียชีวิต จะไม่ถือเป็นเงินได้ของผู้รับมรดก จึงไม่ต้องนำมาคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแต่จะมีการพิจารณาเรื่องภาษีมรดกซึ่งจะคำนวณจากมูลค่าทรัพย์สินมรดกทั้งหมดที่ได้รับ |
ข้อสรุป
- หากคุณต้องการความมั่นคง รายได้ที่แน่นอน และ อยากให้ระบบบังคับให้เก็บเงิน ประกันบำนาญเหมาะกว่า
- หากคุณมีเวลาเก็บยาว รับความเสี่ยงได้ และต้องการผลตอบแทนสูงขึ้น RMF เหมาะกว่า
- หากคุณต้องการทั้ง ความมั่นคง + โอกาสเติบโต + การใช้สิทธิลดหย่อนให้คุ้มที่สุด
ทางเลือกที่มีประสิทธิภาพที่สุดคือ ผสมทั้งสองเครื่องมือ โดยปรับสัดส่วนตามความเหมาะสมของเป้าหมายและความสามารถรับความเสี่ยง ไม่จำเป็นต้องแบ่ง 50/50
*ประกันบำนาญ สนใจสามารถติดต่อ ตัวแทนหรือสาขาบริษัทประกันชีวิต ที่คุณสนใจ เพื่อตรวจสอบสิทธิ์ลดหย่อนและเงื่อนไขกรมธรรม์
*RMF หากต้องการวางแผนลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีและเตรียมเงินเกษียณ สามารถปรึกษา ผู้แนะนำการลงทุน / บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ที่คุณสนใจ
หากต้องการความสะดวกครบวงจร
สามารถติดต่อทีมงาน Money Insurance Talk
เราพร้อมให้คำปรึกษาและช่วยวางแผนการเงินอย่างเป็นระบบ
